บทความสุขภาพ บทความทั่วไป

1 ความคิดเห็น

Review Adobe Lightroom

สวัสดีคะเพื่อนๆ ช่วงนี้กำลังสนใจ โปรแกรม Adobe Lightroom อยู่คะ ว่าแต่..เค้าเอาไว้ใช้ทำอะไรกันน๊าส์ ตระกูลของ Adobe ก็คงไม่พ้น แต่งภาพแน่เลย ... อิอิ จึงไปเจอนิยามหนึ่ง
Adobe Lightroom คือ Program สำหรับช่างภาพโดยเฉพาะ โดย Lightroom จะช่วยอำนวยความสะดวกตั้งแต่ image files ที่ถูกดึงออกจากล้องเลยทีเดียว สามารถจัดหมวดหมู่ แยกประเภทภาพได้โดยง่าย อีกทั้งยั่งสามารถใส่ keyword เพื่อค้นหาภาพนั้น ๆ ในภายหลังได้อีกด้วย


หลังจากที่จัดประเภทของภาพเสร็จแล้ว หน้าที่ตอ่ไปก็ยังเป็นของ Lightroom อยู่ดี ไม่ว่าจะเป็น แต่งภาพ แล้วก็ส่งออกไปเป็นไฟล์ภาพ, ทำเป็น Slideshow Presentation , ทำเป็น Web Gallery หรือสั่งพิมพ์ภาพที่ต้องการทาง Printer ออกไปเป็น PDF File ด้วยโปรแกรม Lightroom เองเลย ไม่ต้องไปพึ่งพาโปรแกรมอื่นๆ 


โปรแกรมนี้เก่งมาก สามารถจัดการ Raw File ทีละร้อยๆไฟล์ได้พร้อมๆ กัน ปรกติแล้ว ใน Adobe Lightroom นั้น ทาง Adobe จำหน่ายในราคา 299$ แต่ว่าตอนนี้ Lightroom beta 4 ทาง Adobe ปล่อยให้ Load ไปใช้กันได้ Free เลย


จุดเด่น ที่เพิ่มเข้ามาในเวอร์ชัน 4 ก็อย่างเช่น ความสามารถแสดงตำแหน่งรูปถ่ายบนแผนที่ได้แล้ว สามารถทำ photobook ได้ในนี้เลย ส่วนด้านรายละเอียดการแต่งภาพ ก็ได้มีการพัฒนา local brush ให้เก่งมากขึ้น เช่นคราวนี้แก้ white balance ค่างกันได้เฉพาะบางส่วนในภาพเลยทีเดียว

โหลดกันได้ที่ 
http://labs.adobe.com/technologies/lightroom4

อ่านแล้วน่าสนใจมากเลยที่เดียวช่ายมั้ยละ ตอนนี้โบว์ก็ได้โหลด 
 Lightroom beta 4 มาติดตั้งในเครื่องเรียบร้อยแล้ว หน้าตาโปรแกรมจะประมาณนี้นะคะ


Lightroom beta 4
แล้วเจ้าโปรแกรม Adobe Lightroom แตกต่างจาก Adobe Photoshop ตรงไหนละ


ขอบคุณบทความดีดีจาก jack photo


ภาพตัวอย่างการจัดการไฟล์รูปภาพ

แต่ก็ยังไม่มีเวลาว่างเข้าไปแต่งรูปสักเท่าไหร่ เพราะช่วงนี้งานเยอะด้วย แต่ก็อธิบายคร่าวๆๆ
แล้วกันนะคะ

วันนี้เราจะมารู้จักกับ Adobe Lightroom กันคะ ซึ่งโบว์ขอเรียกสั้นๆว่า LR คร่า
เจ้า LR เนี่ย เป็นโปรแกรมที่ใช้ประโยชน์ 3 อย่างหลักๆ คือ
1. เป็นตัวบริหารจัดการรูปภาพ เมื่อเราถ่ายภาพเยอะ ถ้าเก็บภาพไม่ได้ ก็จะบนกันมั่วไปหมด LR
    จะเป็น ตัวช่วยเรา

2. เป็นตัวปรับแต่งภาพ โดยข้อดีของ LR คือ สามารถจัดการ file RAW ได้ดีมากครับ ปรับแสง สี
    เปลี่ยนสี ทำได้หมด

3. แปลง file Raw ให้เป็น Jpeg ได้
โดย Mode การทำงานหลักๆของ LR นั้นแยกออกเป็น

1. Library ซึ่งส่วนนี้
ทำหน้าที่บริหารจัดการรูปภาพคะ เราสามารถ เรียกรูปภาพได้โดยแบ่งตาม 
    เลนส์ที่ใช้ ISO วันเวลา รุ่นกล้อง หรืออื่นๆอีกมากมาย โดยเครื่องมือส่วนนี้เรียกว่า filter คร่า 
    รวมถึงการติด TAG จำแนกชนิดภาพ
2. Develop ส่วนนี้เป็นส่วนจัดการปรับแต่งภาพคะ โดยเราสามารถปรับแต่งตั้งแต่ค่าพื้นฐานจนถึง
    ขั้นสูง เช่น ถ่ายภาพมามืด เราก็สามารถทำให้ สว่างขึ้นได้ เพิ่มสีสัน ดูดสี เปลี่ยนสี ลดNoise 
    ซึ่งใน Version 3 นั้น ทำได้ดีมากถึงมาที่สุดเลยคะ
3. SlideShow ตามชื่อเลยคะ สร้าง slideshow ให้เราได้ด้วย
4. Print สามารถสั่งพิมพ์ได้ โดยสามารถใช่ข้อความ ลายน้ำ กรอบ
5. Web สามารถ สร้างหน้า Website Gallery ได้ครับ ได้ทั้ง Flash และ Html เลย สะดวกมาก
ส่วนที่โบว์ชอบมาก ของ LR
คงจะเป็นตัวนี้นะคะ Lightroom Presets อิอิ ปกติ ก็แต่งภาพใน 
App ipod iphone บ่อย ชอบการปรับแสงหลายๆๆ แบบอะคร่าาา



ส่วนอื่นๆ ในแต่ละหมวดหมู  ถ้ามีโอกาสได้ไปลองใช้ LR ใช้ ก็จะมารีวิว ให้ดูเพิ่มอีกนะคะ เป็นอีกโปรแกรมหนึ่งของ Adobe ที่น่าสนใจศึกษา ม๊าก มากๆๆ คะ 

by...Miss Jutatip Thongchu....*-*
2

วิธีแต่งภาพสไตล์เกาหลี ใสๆปิ้งๆ ด้วยโฟโต้ช็อป

วันนี้มีเทคนิคการแต่งภาพที่น่าสนใจมาฝากคะ ลองทำกันดูนะคะ


ขั้นตอนการทำ
1.  เปิดรูปที่ต้องการขึ้นมา วันนี้ใช้รูป โซฮี  ละกันในกล่อง layer. ลากรูปต้นแบบไปที่กระดาษพับมุม
     (create a new layer) จะได้อีก layer มาเพิ่ม เหมือนกันเด้ะๆ !


2. เลือก layer 'copy' นะคะ ไปที่ Image > Adjustments > Color Balance... ปรับค่าตามรูปค่ะ หรือตามชอบ
    ให้สีออกมาทำนองนี้


3. เปิด texture รูปข้างล่างนี้ขึ้นมา ก้อปลงไปเป็นอีก layer ของรูป ตั้งค่าให้เป็น Soft light
    จะเห็นอยู่ลางๆจางๆ



4. ก้อป layer 'copy' ของต้นฉบับขึ้นมาอีกครั้ง (ตามรูป) จะได้ 'copy 2'
    จากนั้นคลิก เลเยอร์ background copy 2 ตั้งค่าให้เป็น Overlay // Opc: 50%



5. จากนั้น ก้อปรูปด้านล่างลงไปเป็นอีกlayerนึงค่ะ ตั้งให้เป็น Screen หมุนๆบิดๆตามชอบ
(Edit > Free Transform...)


จะได้ตามนี้



เลือก Add layer mask ในกล่อง layer แล้วใช้ eraser tool (ยางลบ) ลบส่วนขอบๆออก




6. สร้าง layer ใหม่ขึ้นมา (กด create a new layer) แล้วใส่สีดำลงไป โดยกดที่
    Edit > Fill... > Black



7. สร้าง Lens Flare โดยไปที่ Filter > Render... > Lens Flare ใส่ค่า 151% ลงไป และเลือก
    50-300mm Zoom




จากนั้น ย่อขนาดลงให้เหลือประมาณ 1/3 ของรูป (Edit > Free Transform...) ตั้งค่า layer
ให้เป็น Lighten



เสร็จแล้วคะ...เพื่อนๆๆ ลองเอาไปแต่งดูกันนะคะ อย่าลืม share ให้ดูกันด้วยนะคะ !!



Review Before & After นะคร๊าาา  เป็นไงบ้างคะ



by Miss Jutatip Thongchu 'bow'
1 ความคิดเห็น

Windows 8 ที่ Microsoft ปล่อยดาวน์โหลดล่าสุด


Review Windows 8 ที่ Microsoft ปล่อยดาวน์โหลดล่าสุด


ไม่กี่วันที่ผ่านมาบริษัท Microsoft ได้ประกาศเปิดตัว Windows 8 เวอร์ชันสำหรับนักพัฒนา หรือที่เรียกว่า Windows 8 Developer Preview ไปในงาน “Build Windows” และล่าสุดทาง Microsoft ก็ได้เปิดให้ผู้ที่สนใจสามารถดาวน์โหลด Windows 8 Developer Preview ไปทดลองติดตั้งและใช้งานกันแบบฟรีๆโดยไม่เสียตังค์ซักบาท ผ่านหน้าเว็บMSDN ของ ไมโครซอฟท์ ซึ่งรองรับทั้ง 32 และ 64 บิตให้เลือกดาวน์โหลด และทางไมโครซอฟท์พร้อมโชว์จุดเด่นในเรื่อง User Interface ที่ชื่อ “Metro” (แบบเดียวกับ Windows Phone 7) ที่ไมโครซอฟได้พัฒนาขึ้นมาเอง และสามารถรองรับ Device ต่างๆ เช่น แทปเลตพีซี หรือ แม้กระทั่งโทรศัพท์มือถือ พร้อมการทำงานแบบมัลติทัชแบบ iDevice อย่างเต็มรูปแบบ

เรามาดูรายละเอียดคร่าวๆ ของ Windows 8 จากงาน “Build Windows”

      • Windows 8 จะสามารถใช้แอปพลิเคชัน (โปรแกรม) ที่รองรับ Windows 7 ได้ทุกตัว
      • Windows 8 จะมีมุมมอง 2 รูปแบบคือ Metro Style(ลักษณะคล้าย Tablet PC)และ Desktop View
      • Windows 8 สามารถใช้งานบนแท็บเล็ตที่ใช้ชิป ARM / PC / Netbook / Notebook ที่มาพร้อมหน้าจอสัมผัสหรือใชัผ่านเมาส์และคีย์บอร์ดแบบเก่าได้
      • Windows 8 สามารถทำงานบน Intel ATOM รุ่นที่มีแรม 1GB ได้อย่างราบลื่น
      • Windows 8 รองรับฮาร์ดไดร์ฟที่ความจุสูงสุด 256TB (ประมาณ 262144 GB)
      • Windows 8 มีการปรับปรุงระบบ Multi Tasking ให้ดีขึ้นและจัดสรรหน่วยความจำได้ดีขึ้นทำให้ใช้งานได้เร็ว
      • Windows 8 จะมีการติดตั้ง Driver ในตัวที่เพิ่มมากขึ้น ทำให้ผู้ใช้สามารถนำอุปกรณ์ภายนอกมาเสียบใช้งานได้เลย โดยไม่ต้องลง Driver เพิ่มเติม
      • Windows 8 เวอร์ชั่นต็ม ซึ่งจะออกในปี 2012 จะมาพร้อม “Windows Store” และ “Live” ซึ่งเราจะสามารถซื้อ Application ผ่าน Windows Store ได้เลย

สำหรับการรองรับภาษาไทยนั้น Windows 8 จะมีการรองรับภาษาไทยอย่างเต็มรูปแบบตั้งแต่ตัว Developer Preview เป็นต้นไป
Spec สำหรับการติดตั้ง Windows 8 ขั้นต่ำ
  • CPU ความเร็ว 1 GHz ขึ้นไป 32-bit (x86) or 64-bit (x64) processor
  • 1 GB RAM (32-bit) หรือ 2 GB RAM (64-bit)
  • พื้นที่ฮาร์ดดิส 16 GB (32-bit) หรือ 20 GB (64-bit)
  • การรองรับ DirectX 9 graphics device with WDDM 1.0 or higher driver
  • สำหรับหน้าจอทัชกรีน ต้องรองรับมัลติทัช

การเริ่มติดตั้ง Windows 8 Developer Preview
เมื่อเราใส่แผ่นเข้าไป เครื่องก็จะทำการ Boot เข้ามาสู่หน้าจอด้านล่างคะ เราก็ทำการคลิ๊กๆ ตามที่ระบบต้องการ  ซึ่งลักษณะคล้ายการิดตั้ง Windows 7


การติดตั้ง

ซึ่งการติดตั้งสามารถทำได้ง่ายเพียงไม่กี่คลิกจากนั้นก็รอจนระบบติดตั้ง ก็เสร็จเรียบร้อย และจะเข้าสู่หน้าการตั้งค่าพื้นฐานต่างๆ ที่อาจมีความแตกต่างจาก Windows 7 เพียงเล็กน้อยเท่านั้น

ตั้งค่า windows 8

ในส่วนของการตั้งค่าพื้นฐาน Windows 8 จะบังคับให้เราสร้างบัญชีผู้ใช้ซึ่งต้องกรอก Username & Password ซึ่งถ้าใครมีบัญชีของ Windows Live ก็สามารถใช้งานได้ทันที โดยไม่ต้องสมัครใหม่ให้วุ่นวาย ซึ่งหลายคนก็ใช้ Hotmail กันอยู่แล้วก็สามารถใช้ได้เลย ซึ่งในส่วนชื่อผู้ใช้นี้จะมีลักษณะใกล้เคียงกับ Google Account ในระบบปฏิบัติการแอนดรอยน์ ซึ่งจะใช้บริการร่วมกับ Windows Store , Cloud Service หรือบริการของไมโครซอฟท์อื่นๆ

ในส่วนของ Windows Metro User Interface & Desktop User Interface
ออกแบบได้อย่างสวยงามน่าใช้ ซึ่งมองๆภาพรวมดูแล้วคล้ายๆระบบปฏิบัติการ Windows Phone 7 นั่งเองคร่า
Windows 8 Metro UI


Windows 8 Metro UI

เมื่อเราได้ตั้งค่าพื้นฐานของบัญชีผู้ใช้เสร็จเรียบร้อยแล้ว Windows 8 จะพาเราเข้าไปสู้หน้า Metro UI ซึ่งจะเป็นภาพเคลื่อนใหม่แบบ Windows Phone 7 โดยในหน้า Metro UI ทางไมโครซอฟท์ได้ติดตั้ง Application ตัวใหม่ๆหลากหลายตัวมาให้ผู้ใช้ได้ทดลองใช้ งานกันแบบเต็มๆ ซึ่งการทำงานของ Metro UI มีหน้าที่แทนการกดปุ่ม Start ของวินโดว์รุ่นก่อนๆ ที่จากแบบเก่าก็จะเป็นแค่รายชื่อซอฟท์แวร์ให้เราเลือกใช้ แต่ใน Metro UI Application ที่รองรับกับ Windows 8 จะสามารถแสดงผลแบบ Realtime ได้เช่น เมื่อเราเรียกใช้งานโปรแกรมบอกสภาพอากาศ โปรแกรมก็จะให้เราตั้งค่าเมือง และเมื่อเราออกจากโปรแกรม ไอคอนของโปรแกรมนี้ ก็จะบอกสภาพอากาศจะถูกปรับเปลี่ยนให้เป็นรายการข้อมูลสภาพอากาศแบบ Realtime (ต้องเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต)ซึ่งจะมีลักษณะคล้าย Widget บนหน้าจอเรานั่นเอง

นอกจากนั้นการใช้งานแอปพลิเคชั่น บน Metro UI ใน Windows 8 Developer Preview ยังสามารถทำ Multitasking ได้อีกด้วย เพียงแค่ผู้ใช้เปิดแอปพลิเคชั่น ขึ้นมา และเมื่อผู้ใช้ต้องการเปลี่ยนไปใช้แอปพลิเคชั่น อื่น ก็เพียงกดปุ่ม Windows ที่คียบอร์ดหนึ่งครั้ง หรือนำพอยเตอร์เมาส์ไปชี้ที่ด้านซ้ายของจอและกดเมาส์ซ้ายหนึ่งครั้ง ระบบจะทำการสวิตซ์แอปพลิเคชั่น โดยที่ตัวที่ถูกเปลี่ยนยังคงทำงานเป็น Background อยู่ ซึ่งบลักษณะเหมือนใน iPad ที่มีการใช้นิ้วลากเพื่อสับเปลี่ยนโปรแกรม แต่การทำงานด้านมัลติทาร์ก Windows 8 คงทำได้ดีกว่า



ใน Metro UI ผู้ใช้สามารถจัดกลุ่มของแอปพลิเคชั่น หรือคลิกเมาส์ขวาเรียกแถบการตั้งค่าขึ้นมาได้


Windows 8

หน้าตา Control Panel แบบใหม่บน Metro UI จะครอบคลุมการใช้งานบนแท็บเล็ตได้อย่างดีเยี่ยม
เราจะเห็นได้ว่า Windows 8 มีลักษณะที่เปลี่ยนไปมาก จนแทบไม่เห็นเค้าโครงเดิมเลย แต่นั่นมันเป็นเพียงแค่ภาพหลอกตาครับ Windows 8 ใช่ว่าจะมีเพียงแค่ Metro UI มาอย่างเดียวนะครับ Windows 8 ทาง Microsoft ยังใส่หน้า Desktop UI แบบเดิมๆที่เราคุ้นตามาให้ด้วย โดยในเวอร์ชั่น Developer Preview นั้น หน้าตายังเหมือนกัน Windows 7 แค่ปรับเปลี่ยนตรงปุ่ม Start นิดหน่อย และ ใส่ฟังก์ชั่นบางอย่างมาให้แค่นั้น



เมื่อมีการปรับปรุงตัว Windows ใหม่ ผู้ใช้ Windows 8 ต้องปรับตัวมากที่สุดเพราะการกด Start ใน Windows 8 จะข้าสู่หน้า Metro UI ทันที โดยสำหรับแถบ Start แบบใหม่ จะประกอบด้วยส่วนของ Search ไว้สำหรับค้นหาแอปฯ ข้อความ ไฟล์เอกสารที่อยู่ในเครื่องของเราหรือผ่านเว็บไซต์ ถัดมาในส่วนของ Share สำหรับไว้ใช้แบ่งปันแอปฯ แนะนำแอปฯ หรือข้อความไปยังเครือข่ายสังคมหรือแบ่งปันให้ User อื่นในระบบ ต่อมาที่ Device จะเป็นการดูอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ที่เราเชื่อมต่ออยู่ในปัจจุบัน และสุดท้าย Settings เมื่อกดลงไปแล้วจะมีหน้าตาเหมือนรูปด้านล่างโผล่ขึ้นมา



โดยในส่วนของ Settings จากรูปร่างหน้าตา จะเห็นว่าไมโครซอฟท์พยายามออกแบบมาให้สามารถใช้งานร่วมกับหน้าจอพวก Tablet PC โดยสังเกตเห็นว่าไอคอนที่ปรากฏบนหน้า Settings ก็มีบรรจุอยู่ที่หน้า Desktop UI อยู่แล้ว แต่สำหรับหน้า Settings ไอคอนเหล่านั้นจะถูกขยายขนาดให้ใหญ่ขึ้น ซึ่งถ้าใครใช้หน้าจอ Touch Screen ก็จะกดใช้งานได้ง่ายขึ้นมาก




เราสามารถใช้งาน Metro UI ร่วมกับ Desktop UI ได้สำหรับคนที่จำเป็นต้องใช้งานโปรแกรมบนหน้า Desktop UI เช่น อยากพิมพ์งาน ใช้โปรแกรมโฟโต้ชอป แต่อยากใช้แอปพลิเคชั่นจาก Metro UI ให้แสดงในหน้าเดียวกันก็ได้ ด้วยวิธีการแบ่งหน้าจอ โดยให้เปิดหน้า Desktop UI กับแอปฯหรือโปรแกรมที่ต้องการ เปิด Metro UI ขึ้นมา จากนั้นนำเมาส์ไปชี้ที่ขอบจอ จะมีหน้าต่างเล็กๆของแอปฯ จาก Metro UI โผล่ขึ้นมา หลังจากนั้นให้ผู้ใช้คลิ๊กเมาส์ซ้ายค้างไว้และลากหน้าต่างแอปฯ ดังกล่าวไปยังตำแหน่งที่ต้องการก็เป็นอันเสร็จสิ้น


Windows Explorer รูปแบบใหม่ใน Windows 8 Developer Preview Windows Explorer
 รูปแบบใหม่เพื่อแท็บเล็ต


Windows Explorer จะเพิ่ม Toolbar สำหรับจัดการไฟล์ต่างๆ เข้ามา เพื่อให้ใช้งานได้ง่ายขึ้น

ต้องถือว่าการเปลี่ยน UI ของหน้า Windows Explorer ใน Windwos 8 เข้ามาในครั้งนี้ ไมโครซอฟท์ตั้งใจจะให้ผู้ใช้แท็บเล็ตกับ Windows 8 สามารถกดคำสั่งในการจัดการไฟล์ได้ง่ายมากยิ่งขึ้น อีกทั้งเมื่อผู้ใช้เปิดโฟลเดอร์รูปภาพแถบคำสั่งจัดการไฟล์ด้านบนจะมี ส่วนของ Picture Tools ปรากฏขึ้นพร้อมปุ่มในการหมุนรูป รวมภาพเป็นสไลด์หรือจะ Set As background ได้ทันทีเลย



Picture Password ใช้รูปภาพเป็นรหัสผ่านเข้าสู่ระบบ เป็นการพัฒนาระบบรักษาความปลอดภัยบน Windows 8 ได้อย่างน่าสนใจ โดยระบบการ Login ด้วย Picture Password จะเปิดโอกาสให้ผู้ใช้ได้ออกแบบ Log in เข้าสู่ Windows 8 ผ่านระบบ Gesture และภาพถ่ายที่ผู้ใช้ชื่นชอบได้ โดยหลักการทำงาน เมื่อผู้ใช้เลือกภาพถ่ายที่ต้องการ จากนั้นใช้เมาส์หรือนิ้วมือ (สำหรับแท็บเล็ต) ทำเครื่องหมายหรือลากจุดที่ต้องการทำเป็นสัญลักษณ์เพื่อปลดล็อกระบบจำนวน 3 ครั้งก็จะเรียบร้อย โดยครั้งต่อไปเมื่อผู้ใช้ต้องการล็อกอินเข้าสู่ระบบก็เพียงใช้เมาส์หรือนิ้ว มือลากตามจุดที่ได้กำหนดไว้เท่านั้น

และฟังก์ชั่นสำหรับ Windows 8 ที่น่าสนใจคือ มีคำสั่งมาให้ 2 อย่าง ทำงานที่ 2 ระดับคือ
  • Refresh เก็บไฟล์และการตั้งค่าของในส่วนของผู้ใช้ รีเซ็ตการตั้งค่าส่วนของระบบ เก็บแอพที่ติดตั้งจาก Windows Store ไว้ให้ ส่วนแอพอื่นๆ ที่ติดตั้งเองจะถูกลบทิ้ง
  • Reset ลบข้อมูลส่วนตัวทุกอย่าง และรีเซ็ตสถานะของระบบกลับไปเหมือนตอนติดตั้งเสร็จใหม่ๆ

นอกจากนี้ไมโครซอฟท์ยังให้ฟีเจอร์ Windows To Go สำหรับการรัน Windows 8 ทั้งตัวจาก USB drive เหมือนการรันจากฮาร์ดดิสก์ปกติ อัพเดตได้ เซฟไฟล์ได้ (เหมือนทุกอย่างยกเว้นบูตช้าลง) สำหรับงานในองค์กรที่แชร์พีซีกัน พนักงานแต่ละคนไม่มีพีซีประจำตัว แต่มีพีซีกลางให้ใช้งานเฉพาะยามที่ต้องการ

ทำให้เราไม่ต้องฟอแมทแล้วลงวินโดว์ใหม่แล้ว แค่ทำการ Reset ระบบก็จบเลย ใครที่ใช้คอมไม่คล่องแก้คอมไม่เก่ง ก็ไม่ต้องพึ่งร้านกันแล้วล่ะคร่า

Blue Screen แบบใหม่


เมื่อนำเมาส์ไปชี้ที่ Start บน Desktop UI นาฬิกาบอกเวลาจะแสดงขึ้นมาทันที


Lock Screen แบบใหม่ที่สามารถใช้เมาส์หรือมือแตะแล้วเลื่อนเพื่อปลดล็อกได้

นี่ก็เป็นส่วนหนึ่งของ Windows 8 นะคะ : ))

ลิงค์ดาวน์โหลด Windows 8 Developer Preview ของแท้จาก Microsoft

ข้อมูลอ้างอิงและภาพประกอบจาก
  • www.manager.co.th/CBizReview
0

วิธีการติดตั้ง phpBB3 ไทย บน Server จริง

ติดตั้ง phpBB3 ไทย บน Server จริง การใช้ FTP WinSCP (Mysql PHP)

นี่เป็นเว็บบอร์ดที่น่าสนใจในขณะนี้มากเลยคะ ก่อนที่จะได้มาเขียนบทความนี้ก็เพราะว่า เว็บบอร์ดของเว็บไซต์ ไมร่าคอมพิวเตอร์ (http://www.miracomputers.com) ที่ได้ดูแลอยู่ เกิดปัญหา error ขึ้น แล้วไม่ค่อยเสถียรเท่าไหร่คะ เลยลองหาเว็บบอร์ดที่มันเสถียร พออัพ ขึ้น Server จริงคะ ขั้นตอนมันอยากเยอะไปหน่อย...แต่มันก็ไม่ยากเท่าไหร่คะ พอเข้าใจและทำได้แล้ว 555+ แต่แรกๆๆ ก็งงอยู่เยอะเหมือนกันคะ...ต้องนี้ก็ติดตั้งแสร็จแล้ว แต่ยัง ไม่ได้เข้าไปจัดการกับบอร์ดเท่าไหร่เลย ว่าจะทำต่อวันนี้อีก...
(เขียนไว้เพื่อเผื่อ ตัวเองลืมด้วย ครั้งหลังจะได้นำกลับมาใช้)

ก่อน ติดตั้ง ต้องมาเตรียม เครื่องมือกันก่อนนะ
1.โปรแกรม FTP ในที่นี่ แนะนำ WinSCP เป็นโปรแกรมสำหรับส่งไฟล์ทาง FTP ที่ใช้งานง่ายตัวนึง และฟรี 
2. Server ที่มี คุณสมบัติ เหล่านี้ PHP,Mysql,Apache หรือ IIS และสามารถ อัพโหลดผ่าน FTP ได้ โฮส ของไทยที่มีให้บริการก็มีอยู่หลายเจ้าคะ  ในการติดตั้งใช้พื้นที่ ฐานข้อมูลประมาณ 400K พื้นที่ เก็บไฟล์ ต่างๆ ของ phpBB3 อีก ประมาณ 3M แนะนำใช่เช่า Server ที่ให้ พื้นที่ อย่างน้อย 50M ขึ้นไป นะครับ 
3. Domain หรือ Sub Domain 
4. ไฟล์ ติดตั้ง ของ phpBB3 ภาษาไทย ฉบับเต็ม ดาวน์โหลดได้ที่ 

เมื่อเตรียมทั้ง 4 อย่างครบ ก็ เริ่มกันเลยนะคะ
1. ติดตั้ง โปรแกรม WinSCP 
2. Unzip ไฟล์ phpBB-3.0.10.zip ที่ดาวน์โหลดมา ไว้ในเครื่องตัวเอง
3. อัพโหลด ไฟล์ทั้งหมด ที่ Unzip ไฟล์ phpBB-3.0.10 ไว้ในเครื่อง และนำไปไว้ที่ Server ของเรา ตามรูป ขอข้ามวิธีการติดตั้งและใช้ WinSCP นะคะ เดี๋ยวว่างๆจะมาเขียนให้นะคะ หรือว่าลอง Search ดูจาก Google นะคะ... ให้คลิกเลือก ไฟล์ phpBB3 ทั้งหมด ที่เรา Unzip ไว้ในเครื่อง Folderที่ขีดเส้นสีแดงไว้ คลิกค้างไว้แล้ว ลากไปวางที่ อีกฝั่ง รอให้ไฟล์ ที่ Server เหมือนกัน ไฟล์ ที่เครื่องเรา (ใช้เวลา มากน้อยขึ้นอยู่กับความเร็วเน็ตของท่าน)

4.เมื่อ อัพโหลด เสร็จ แล้ว ให้ พิมพ์ Url ของ โดเมน ของท่าน ที่ Address ของ Browser
เช่น http://www.miracomputers.com/phpBB3/install/index.php ก็จะได้หน้าจอ แนะนำการติดตั้ง โบว์ได้ตั้งค่าเป็น ภาษาไทยไว้ให้ แล้ว ถ้าของใครไม่เป็นภาษาไทย ให้คลิก เปลี่ยนภาษา ที่มุมบนขวาเป็นภาษาไทย ก็จะได้ ตามรูป


5. คลิกที่ tab การติดตั้ง จะได้ ตามรูป และคลิกขั้นถัดไป

6. คลิกขั้นตอนถัดไปจะได้ หน้าจอการตรวจสอบ Server ตามรูป (ขั้นตอนนี้สำคัญมาก ถ้า Server ของเราไม่สามรถตั้งค่าต่างให้เหมาะกับ phpBB3 ได้ก็จะไม่สามารถติดตั้งได้)

รูปภาพ


6.1 ถ้า มีข้อความว่า เขียนไม่ได้ ให้เรา ทำการ CHMOD ไฟล์ และ Folder เป็น 777 โดยกลับไปที่ โปรแกรม WinSCP แล้วคลิกขวา ที่ชื่อไฟล์  และ folder ที่มีคำว่า เขียนไม่ได้ ทีละไฟล์ แล้วทำตามในรูปให้ ครบทีละไฟล์ ตามรูป หรือ คลิกเครื่องหมายถูก หน้า Set Group
ถ้า Server เราเป็น Unix หรือ linux ไฟล์ที่ต้อง CHMOD เป็น 777 มีดังนี้
folder
cache/
files/
store/
images/avatars/upload/
และไฟล์ config.php
ถ้ามีข้อความ หาไม่พบ ให้สร้าง file และ folder ดังกล่าว ขึ้นมาเอง เมื่อจัดการเสร็จ ให้คลิกที่ปุ่ม ทดสอบอีกครั้ง


7.เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ให้ คลิกปุ่ม เริ่มการติดตั้ง ตามรูป
รูปภาพ

8. กรอกข้อมูล รายละเอียด ของฐานข้อมูล (ค่าต่างๆ เหล่านี้จะได้จาก Server ที่เราเช่า) แล้วคลิก ขั้นตอนถัดไป ตามรูป

9. ถ้าข้อมูลที่เรากรอกใน ข้อ 8 ไม่มีอะไร ผิดพลาด ให้คลิกขั้นตอนถัดไป ตามรูป (ถ้าเกิดข้อผิดพลาดขั้นให้กรอกข้อมูลที่ถูกต้องใหม่อีกครั้ง)

10. กรอกข้อมูล รายละเอียด ของ admin ประกอบ ด้วย ชื่อผู้ใช้ (User name) รหัสผ่าน (Password) และ E-mail ที่ใช้ ตามรูป


11. หน้าจอรายงานผลการตั้งค่าต่างๆ ให้ เรา คลิก ขั้นตอนถัดไป


12.phpBB3 แจ้งให้ ทราบว่าได้เขียน ไฟล์ config.php เรียบร้อยแล้ว คลิกขั้นตอนถัดไป ได้เลย ตามรูป


13.ขั้นตอนนี้เป็นการตั้งค่าขั้น สูง แนะนำให้ ใช้ค่าตามที่ระบบแจ้งขึ้นมาไปก่อน (เป็นค่าที่ดีและถูกต้องอยู่แล้ว และ สามารถแก้ไขได้หลักจากการติดตั้ง) ให้เราคลิก ขั้นตอนถัดไป ตามรูป

14.หน้าแสดง ความยินดีที่ได้ทำการ ติดตั้ง phpBB3 เรียบร้อย แล้ว ให้คลิก ขั้นตอนถัดไป และ Login ตามรูป



15.เมื่อ Login เข้าระบบใน ฐานะ Admin จะได้ หน้าจอ


เป็นอันเสร็จ การติดตั้ง phpBB3 อย่าลืมลบ Folder install ที่ Server ออกด้วยนะคะ ขอให้ สนุกกับการใช้งาน phpBB3 นะคร่า เป็นอันว่าเราทำสำเร็จแล้วคะ...

ข่าว วาไรตี้ Update24 ชั่วโมง



Update ข่าว ทุกวัน จร้า...